อะฮฺกามการถือศีลอด

การถือศีลอดหมายถึง การที่ได้ปฏิบัติตามคำบัญชอของ อัลลอฮฺ (ซบ.) โดยหลีกเลี่ยงไม่กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล จากอะซานซุบฮฺจนถึงอะซานมัฆริบ ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้

เนียต (การตั้งเจตนา)

ข้อที่ ๑๕๕๐. ไม่จำเป็นที่จะต้องเนียตถือศีัลอดโดยตั้งในตลอดเวลา เช่น กล่าวว่าพรุ่งนี้จะถือศีลอด เพียงแต่ปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลลอฮฺ (ซบ.) จากอะซาบซุบฮฺจนถึงอะซานมัฆริบโดยไม่กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ถือว่าเป็นการเพียงพอ และเพื่อความมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาดังกล่าวได้ถือศีลอด ต้องหลีกเลี่ยงไม่กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ก่อนอะซานซุบฮฺเล็กน้อยจนถึงหลังอะซานมัฆริบเล็กน้อย

ข้อที่ ๑๕๕๑. สามารถเนียตถือศีลอดตลอดเดือนเราะมะฎอนทุกคืนได้ แต่เป็นการที่ดีกว่า  ในคืนแรกของเดือนเราะมะฎอนให้เนียตถือศีลอดตลอดทั้งเดือน

ข้อที่ ๑๕๕๒. การเนียตถือศีลอดตลอดเดือนเราะมะฎอน ไมีมีกำหนดเวลาที่แน่นอน จะเนียตถือศีลอดสำหรับวันพรุ่งนี้เวลาใดก็ได้จนถึงอะซานซุบฮฺ

ข้อที่  ๑๕๕๓. เวลาของการเนียตถือศีลอดมุซตะฮับ เริ่มรั้งแต่ตอนค่ำจนถึงช่วงเวลาพอดีแค่เนียตก่อนอะซานมัฆริบ ซึ่งจนถึงช่วงเวลาดังกล่าวถ้ายังไม่ได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล และได้เนียตถือศีลอดมุซตะฮับ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๕๕๔. ผู้ที่นอนหลับก่อนอะซานซุบฮฺโดยไม่ได้เนียตถือศีลอด ถ้าตื่นขึ้นก่อนซุฮริและได้เนียตถือศีลอด ศีลอดถูกต้อง ไม่ว่าศีลอดนั้นจะเป็นวาญิิบหรือมุซตะฮับ แต่ถ้าตื่นขึ้นหลังซุฮฺริไม่สามารถเนียตถือศีลอดที่เป็นวาญิบได้

ข้อที่ ๑๕๕๕. ถ้าต้องการถือศีลอดประเภทอื่นนอกเหนือจากเดือนเราาะมะฎอน จะต้องระบุให้แน่นอนว่าเป็นศีลอดประเภทใด เช่น เนียตว่า ข้าพเจ้าจะถือศีลอดกะฎอ หรือ ข้าพเจ้าจะถือศีลอดนะซัร แต่ในเดือนเราะมะฎอนไม่จำเป็นที่จะต้องเนียตว่า ข้าพเจ้าจะถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน แต่ถ้าไม่รู้หรือลืมไปว่าเป็นเดือนเราะมะฎอน และได้เนียตถือศีลอดประเภทอื่น ถือว่าเป็นศีลอดเดืือนเราะมะฎอน

ข้อที่๑๕๕๖. ถ้ารู้ว่าเป็นเดือนเราะมะฎอน แต่ตั้งใจเนียตถือศีลอดประเภทอื่นนอกเหนือจากเดือนเราะมะฎอน ไม่ถือว่าเป็นศีลอดเดือนเราะมะฎอนหรือศีลดอประเภทที่ตั้งใจ

ข้อที่ ๑๕๕๗. ถ้าเนียตถือศีลอดว่าเป็นวันที่ ๑ ของเดือน แต่ต่อมารู้ว่าเป็นวันที่ ๒ หรือที่ ๓ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๕๕๘. ถ้าเนียตก่อนอะซานซุบฮแล้วหมดสติไป และมารู้สึกตัวในระหว่างวันนั้น เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องถือศีลอดวันนั้น ถ้าถือไม่ตลอดวันต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๕๕๙. ถ้าเนียตก่อนอะซานซุบฮฺแล้วมีอาการมึนเมา และหายจากอาการมึนเมาในระหว่างวันนั้น เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องถือศีลอดตลอดวันนั้นและต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๕๖๐. ถ้าเนียตก่อนอะซานซุบฮฺแล้วได้นอนหลับไป และมาตื่นขึ้นหลังมัฆริบ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๕๖๑. ถ้าไม่รู้หรือลืมไปว่าเป็นเดือนเราะมะฎอน แต่มารู้หลังซุฮริ ถ้ายังไม่ได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล จะต้องเนียตและศีลอดถูกต้อง แต่ถ้าได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล หรือมารู้หลังซุฮฺริว่าเป็นเดือนเราะมะฎอน ศีลอดบาฏิล และจะต้องไม่กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิลจนถึงมัฆริบ และหลังจากเดือนเราะมะฎอนต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๕๖๒. ถ้าเด็กบาลิฆก่อนอะซาบซุบฮฺในเดือนเราะมะฎอน จะต้องถือศีลอด แต่ถ้าบาลิฆหลังอะซาบซุบฮฺ ศีลอดวันนั้นไม่เป็นวาญิบ

ข้อที่ ๑๕๖๓. ผู้ที่รับจ้างถือศีลอดให้ผู้ตาย ถ้าจะถือศีลอดมุซตะฮับไม่เป็นไร แต่ผู้ที่มีศีลอดกะฎอหรือวาญิบประเภทอื่น ไม่สามารถถือศีลอดมุซตะฮับได้ ในกรณีที่ลืมและได้ถือศีลอดมุซตะฮับ ถ้านึกขึ้นได้ก่อนซุฮฺริศีลอดมุซตะฮับนั้นเสีย แต่สามารถเปลี่ยนเนียตเป็นศีลอดวาญิบได้ ถ้ามารู้หลังซุฮฺริศีลอดบาฏิล แต่ถ้ามารู้หลังมัฆริบศีลอดถูกต้อง ถึงว่าจะยังเป็นที่สงสัยอยู่ก็ตาม

ข้อที่ ๑๕๖๔. ถ้านอกจากศีลอดเดือนเราะมะฎอน ยังมีศีลอดวาญิบประเภทอื่นที่มีกำหนดแน่นอนเป็นวาญิบ เช่น นะซัรว่าจะถือศีลอดในวันใดวันหนึ่งที่แน่นอน แต่ตั้งใจไม่เนียตจนถึงอะซาบซุบฮฺ ศีลอดบาฏิล แต่ถ้าไม่รู้หรือลืมไปว่าศีลอดวันนั้นเป็นวาญิบสำหรับตน และนึกขึ้นได้ก่อนซูฮริ ซึ่งถ้ายังไม่ได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ให้เนียต ศีลอดถูกต้อง แต่ถ้าไม่ บาฏิล

ข้อที่ ๑๕๖๕. ถ้าจะถือศีลอดวาญิบที่ไม่กำหนดเน่นอน เช่น ศีลอดกัฟฟาเราะฮฺ และตั้งใจไม่เนียตจนเกือบจะถึงอะซานซุฮริ ไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าก่อนเนียตตัดสินใจไม่ถือศีลอด หรือลังเลว่าจะถือศีลอดดีหรือไม่ ซึ่งถ้ายังไม่ได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให็ศีลอดบาฎิล และก่อนซุฮฺริได้เนียต ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๕๖๖. ถ้ากาฟิรเป็นมุสลิมก่อนซุฮฺริในเืดือนเราะมะฎอน และตั้งแต่อะซานซุบฮฺจนถึงเวลานั้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ก็ไม่สามารถถือศีลอดได้ และไม่ต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๕๖๗. ถ้าผู้ป่วยหายเป็นปกติก่อนซุฮฺริในเดือนเราะมะฎอน และตั้งแต่อะซานซุบฮฺจนถึงเวลานั้น ยังไม่ได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ต้องเนียตและถือศีลอดวันนั้น แต่ถ้าหายเป็นปกติหลังซุฮฺริ ศีลอดวันนั้นไม่เป็นวาญิบ

ข้อที่ ๑๕๖๘. วันที่สงสัยว่าเป็นวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน หรือวันแรกของเดือนเราะมะฎอน ไม่เป็นวาญิบที่จะต้องถือศีลอด แต่ถ้าต้องการถือไม่สามารถเนียตเป็นศีลอดเดือนเราะมะฎอน ถ้าเนียตเป็นศีิลอดกะฎอหรือศีลอดที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งต่อมารู้ว่าเป็นศีลอดเดือนเราะมะฎอน ถือเป็นศีลอดเดือนเราะมะฎอน

ข้อที่ ๑๕๖๙. วันที่สงสัยว่าเป็นวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน หรือวันแรกของเดือนเราะมะฎอน ถ้าเนียตถือศีลอดกะฎอ มุซตะฮับ หรือศีลอดที่คล้ายคลึงกัน และในระหว่างวันนั้นรู้ว่าเป็นเดือนเราะมะฎอนต้องเนียตเป็นศีลอดเดือนเราะมะฎอน

ข้อที่ ๑๕๗๐. ศีลอดวาญิบซึ่งมีกำหนดวันที่แน่นอน เช่น ศีลอดเดือนเราะมะฎอน ถ้ากลับใจไม่ถือ ศีลอดบาฏิล แต่ถ้าเนียตจะทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล และไม่ได้กระทำ ศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่่ ๑๕๗๑. ศีลอดมุซตะฮับและวาญิบที่ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน เช่น ศีลอดกัฟฟาเราะฮฺ ซึ่งตั้งใจว่าจะกระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล หรืองลังเลว่าจะกระทำดีหรือไม่ แต่ไม่ได้กระทำ ถ้าก่อนซุฮฺริได้เนียตถือศีลอดใหม่อีกครั้ง ศีลอดถูกต้อง

กรณีที่ทำให้ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๕๗๒. มี  ๙ ประการที่ทำให้ศีลอดบาฏิล คือ

๑.     การกินและดื่ม

๒.     การร่วมเพศ

๓.     การอิซติมนาอฺ หมายถึงการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา

๔.    การพูดความเท็จที่เกี่ยวข้อที่งกับ อัลลอฮฺ (ซบ.) นบี หรือตัวแทนของนบี

๕.    การปล่อยให้ฝุ่นละอองที่หนาทึบเข้าไปในลำคอ

๖.     การดำน้ำที่ศีรษะอยู่ใต้น้ำทั้งหมด

๗.    การคงสภาพการมีญูนุบ ฮัยฎฺ หรือนิฟาซจนถึงอะซานซุบฮฺ

๘.    การสวนทวารด้วยของเหลว

๙.    การอาเจียน

๑.การกินและดื่ม

ข้อที่ ๑๕๗๓. ขณะที่ถือศีลอดถ้าตั้งใจกินหรือดื่มบางสิ่งบางอย่าง ศีลอดบาฏิล ไม่วาสิ่งีทีกินหรือดื่มนั้นจะเป็นปกติทั่ว ๆ ไป เช่น โรตี น้ำ หรือมิใช่ปกติ เช่น ดิน เปลือกไม้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม และแม้แต่แปรงสีฟันที่นำออกจากปาก แล้วนำกลับเข้าไปอีกครั้ง ถ้าน้ำที่แปรงสีฟันเข้าไปในคอ ศีลอดบาฏิล ยกเว้นน้ำที่แปรงได้ผสมกับน้ำในปาก อันไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นน้ำจากภายนอก

ข้อที่ ๑๕๗๔. ขณะที่กำลังกินอาหารถ้ารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺ จะต้องคายอาหารออกทันที ถ้าตั้งใจกลืนลงไป ศีลอดบาฏิล และเป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺตามเงื่อนไขที่จะกล่าวต่อไป

ข้อที่ ๑๕๗๕. ขณะที่ถือศีลอด ถ้ากินหรือดื่มบางสิ่งบางอย่างโดยไม่เจตนา ศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่ ๑๕๗๖. ขณะที่ถือศีลอด เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องหลีกเลี่ยงการฉีดยาที่เป็นการทดแทนอาหาร แต่ถ้าเป็นยาชาที่ทำให้อวยะหมดความรู้สึก หรือเป็นยารักษาโรค ไม่เป็นไร

ข้อที่ ๑๕๗๗. ขณะที่ถือศีลอด ถ้าตั้งใจกลืนเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๕๗๘. ผู้ที่ถือศีลอด ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดฟันก่อนอะซาน แตุ่้ารู้ว่าในเวลากลางวันเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันจะเข้าไป ถ้าไม่ทำความสะอาดและเศษอาหารได้เข้าไปจริง ศีลอดบาฏิล แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าไป เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องกะฎิศีลอดวันนั้น

ข้อที่ ๐๕๗๙. การกลืนน้ำลายจำนวนมาก ที่เกิดขึ้นเพราะความยากกินของเปรี้ยวหรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน ศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่ ๑๕๘๐. การกลืนเสมหะที่อยู่ในลำคอ ไม่เป็นไร แต่ถ้าออกมาพ้นลำคอ เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบห้ามกลืน

ข้อที่ ๑๕๘๑. ขณะที่ถือศีลอดถ้ากระหายน้ำมาก และกลัวว่าจะตายเพราะความกระหาย สามารถดื่มน้ำเท่าที่กระหายได้เพื่อให้รอดพ้นจากความตาย แต่ศีลอดบาฏิล ถ้าเป็นเดือนเราะมะฎอนช่วงเวลาหลังจากนั้น จะต้องหลีกเลี่ยงไม่กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๕๘๒. การเคี้ยวอาหารให้เด็ก นก การชิมอาหาร หรืออย่างอื่นที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งโดยปกติจะไม่ลงไปในลำคอ ถ้าบังเอิญลงไปในลำคอ ศีลอดไม่บาฏิล แต่ถ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะลงไปในลำคอ และลงไปจริง ศีลอดบาฏิล เป็นวาญิบจะต้องกะฎอและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺด้วย

   ข้อที่ ๑๕๘๓. ไม่สามารถละศีลอดได้เพราะความอ่อนเพลีย แต่ถ้าอ่อนเพลียมากจนไม่สามารถทนต่อไปได้ สามารถละศีลอดได้ ไม่เป็นไร

๒. การร่วมเพศ

   ข้อที่ ๑๕๘๔. การร่วมเพศทำให้ศีลอดบาฏิล แม้จะเข้าไปแค่รอยคัตนะฮฺ และไม่มีน้ำอสุจิเคลื่อนออกมาก็ตาม

ข้อที่ ๑๕๘๕. ถ้าเข้าไปไม่ถึงรอยคัตนะฮฺ และไม่มีน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา ศีลอดไม่บาฏิล แต่ผู้ที่อวัยวะเพศขาดแม้จะเข้าไปน้อยกว่ารอยคัตนะฮฺ ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๕๘๖. ถ้าสงสัยว่าเข้าไปถึงรอยคัตนะฮฺหรือไม่ หรือผู้ที่อวัยวะเพศขาดถ้าสงสัยว่าเข้าไปหรือไม่ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๕๘๗. ถ้าลืมไปว่ากำลังถือศีลอด ได้ทำการร่วมเพศหรือถูกบังคับให้ร่วมเพศโดยไม่เต็มใจ ศีลอดไม่บาฏิล แต่ถ้าขณะที่กำลังร่วมเพศนึกขึ้นได้หรือมิได้ถูกบังคับอีกต่อไป จะต้องหยุดการร่วมเพศทั้นที ถ้าไม่หยุดศีลอดบาฏิล

๓. การอิซติมนาอฺ

ข้อที่ ๑๕๘๘. ขณะที่ถือศีลอดถ้าทำอิซติมนาอฺ หมายถึงการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง จนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๕๘๙. ถ้าน้ำอสุจิเคลื่อนออกมาโดยไม่เจตนา ศีลอดไม่บาฏิลแต่ถ้าทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นความเคยชิน จนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมาโดยเจตนา ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๕๙๐. ทุกครั้งที่ถือศีลอด รู้ว่าถ้านอนหลับในเวลากลางวันจะฝันจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา สามารถนอนได้ ถึงแม้ว่าจะนอนหลับและฝันจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมาก็ตาม ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๕๙๑.ขณะที่ถือศีลอด ถ้าน้ำอสุจิจะเคลื่อนออกมาแต่ตื่นขึ้นก่อน ไม่เป็นวาญิบที่จะต้องกลั้นมิให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมา

ข้อที่ ๑๕๙๒. ขณะที่ถือศีลอด ได้นอนหลับและฝันจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา สามารถปัสสาวะและทำอิซติบรอได้ แต่ถ้ารู้ว่าปัสสาวะและทำอิซติบรอแล้ว จะทำให้น้ำอสุจิที่ค้างอยู่ในท่อปัสสาวะเคลือนออกมา กรณีที่ฆุซลฺแล้วไม่สามารถทำอิซติบรออฺได้

ข้อที่ ๑๕๙๓. ขณะที่ถือศีลอด ได้นอนหลับและฝันจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา ถ้ารู้ว่าน้ำอสุจิยังค้างอยู่ในท่อปัสสาวะ แต่ไม่ได้ปัสสวะก่อนฆุซลฺ ซึ่งหลังจากฆุซลฺแล้วน้ำอสุจิได้เคลื่อนออกมา เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องปัสสาวะก่อนฆุซลฺ

ข้อที่ ๑๕๙๔. ถ้าตั้งใจจะทำบางสิ่งบางอย่าง เพื่อให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมา แต่ไม่เคลือนศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่ ๑๕๙๕. ขณะที่ถือศีลอด ไม่ได้เจตนาที่จะให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมา แต่ได้หยอกล้อกับผู้อื่นซึ่งมิใช่เป็นความเคยชินของตน และภายหลังจากการหยอกล้อน้ำอสุจิได้เคลื่อนออกมาโดยไม่ได้เจตนา ศีลอดถูกต้อง แต่ถ้าได้หยอกล้อต่อไปจนน้ำอสุจิใกล้จะเคลื่อนออกมา และไม่หยุดการหยอกล้อจนเคลื่อนออกมา ศีลอดบาฏิล

๔. การพูดความเท็จที่เกี่ยวกับอัลลอฮฺ (ซบ.) หรือนบี

ข้อที่ ๑๕๖๙. ขณะที่ถือศีลอดถ้าตั้งใจสร้างความเท็จ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การเขียน การแสดงความหมาย หรือการกระทำใด ๆ ที่คล้ายคลึงกันให้เกี่ยวข้อที่งกับอัลลอฮฺ (ซบ.) นบี หรือตัวแทนของนบี ถึงแม้จะรีบบอกว่าพูดความเท็จ หรือรีบทำการเตาบะฮฺ ศีลอดก็บาฎิล และเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบแม้แต่ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (อ.) นบีท่่านอื่น ๆ หรือตัวแทนของท่านก็อยู่ในกฏเดียวกัน

ข้อที่ ๑๕๙๗. ถ้าต้องการบอกข่าวโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเท็จเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบ จะต้องบอกตามที่ผู้อื่นได้พูดหรือบอกตามหนังสือที่กล่าวถึง ถึงแม้ว่าจะบอกด้วยตนเอง ศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่ ๑๕๙๘. ถ้าพูดสิ่งใดจากคำบัญชาของ อัลลอฮฺ (ซบ.) หรือคำกล่าวของนบี โดยเชื่อว่าเป็นความจริง แต่ภายหลังรู้ว่าไม่เป็นความจริง ศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่ ๑๕๙๙. ถ้ารู้ว่าการพูดความเท็จที่เกี่ยวข้อที่งกับ อัลลอฮฺ (ซบ.) หรือนบี เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล หรือรู้ว่าเรื่องหนึ่งเรื่องใดไม่เป็นความจริง แต่ทำให้เกี่ยวข้อที่งกับอัลลอฮฺ (ซบ.) หรือนบี ต่อมาภายหลังรู้ว่าเรื่องที่พูดนั้นเป็นความ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๐๐. การพูดความเท็จที่ผู้อื่นได้พูดโดยตั้งใจให้เกี่ยวข้อที่งกับอัลลอฮฺ (ซบ.) นบี หรือตัวแทนของนบี ศีลอดบาฏิล แต่ถ้าพูดตามที่ผู้อื่นได้พูดความเท็จไว้ ไม่เป็นไร

ข้อที่ ๑๖๐๑. ถ้าถามผู้ที่ถือศีลอดว่า นบี (ซ็อล ฯ) ได้กล่าวไว้เช่นนี้หรือไม่ ซึ่งคำตอบจะต้องตอบว่า ไม่ แต่ตั้งใจตอบว่า ใช่ หรือ ใช่ แต่ตอบว่า ไม่ ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๐๒. ถ้าพูดความจริงตามคำบัญชาของ อัลลอฮฺ (ซบ.) หรือคำกล่าวของนบี แต่ภายหลังบอกว่าพูดความเท็จ หรือในเวลากลางคืนได้พูดความเท็จที่เกี่ยวข้อที่งกับอัลลอฮฺ (ซบ.) หรือนบี ซึ่งวันรุ่งขึ้นได้ถือศีลอด และบอกว่าเรื่องที่พูดเมื่อคืนนี้เป็นความจริง ศีลอดบาฏิล

๕. การปล่อยให้ฝุ่นละอองที่หนาทึบเข้าไปในลำคอ

   ข้อที่ ๑๖๐๓. การปล่อยให้ฝุ่นละอองที่หนาทึบเข้าไปในลำคอ ศีลอดบาฏิล ไม่ว่าฝุ่นละอองนั้นจะเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กิน เช่น แป้ง หรือไม่อนุญาตให้กินก็ตาม

๑๖๐๔. ถ้าลมได้พัดฝุ่นละอองให้หนาทึบ และรู้ว่าเป็นฝุ่นละอองแต่ไม่ระวัง ถ้าฝุ่นละอองเข้าไปในลำคอ ศีลอดบาฏิล

๑๖๐๕. ขณะที่ถือศีลอด จะต้องระวังไม่ให้ไอน้ำที่หนาทึบเข้าไปในปากแล้วเปลี่ยนเป็นน้ำ เช่นเดียวกันเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบ จะต้องไม่ปล่อยให้ควันบุหรี่  หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกันเข้าไปในลำคอ

๑๖๐๖. ถ้าไม่ระวัง ปล่อยให้ฝุ่นละออง ไอน้ำ ควัน หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกันเข้าไปในคอ แต่มั่นใจว่าเข้าไปไม่ถึงลำคอ ศีลอดถูกต้อง

๑๖๐๗. ถ้าลืมไปว่ากำลังถือศีลอด แต่ไม่ระวังหรือไม่ได้ตั้งใจปล่อยให้ฝุ่นละออง หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกันเข้าไปในคอ ศีลอดไม่บาฏิล แต่ถ้าเป็นไปได้จะต้องนำเอาสิงนั้นออกมา

๖. การดำน้ำ

ข้อที่ ๑๖๐๘. ขณะที่ถือศีลอดถ้าตั้งใจดำน้ำโดยที่ร่างกายบางส่วนอยู่เหนือน้ำ เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบจะต้องกะฏอศีลอดวันนั้น แต่ถ้าร่างกายอยู่ใต้น้ำโดยที่ศีรษะบางส่วนอยู่เหนือน้ำ ศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่ ๑๖๐๙. ถ้าจุ่มศีรษะลงในน้ำที่ละด้าน ศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่ ๑๖๑๐. ถ้าสงสัยว่าศีรษะทั้งหมดอยู่ใต้น้ำหรือไม่ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๑๑. ถ้าศีรษะทั้งหมดอยู่ใต้น้ำ แต่ผมบางส่วนอยู่เหนือน้ำ ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ที ๑๖๑๒. เป็นอิฮฺติยาฎวาญิบ ไม่ให้จุ่มศีรษะลงในน้ำกุหลาบ แต่ถ้าเป็นน้ำผสมประเภทอื่น ๆ หรือของเหลงอื่น ๆ ไม่เป็นไร

ข้อที่ ๑๖๑๓. ขณะที่ถือศีลอด ถ้าตกลงไปในน้ำโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และศีรษะทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ หรือลืมไปว่ากำลังถือศีลอดและได้ดำน้ำ ศีลอดไม่บาฏิล

ข้อที่ ๑๖๑๔. โดยปกติถ้าตกน้ำศีรษะจะต้องจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งรู้กฏนี้ดีอยู่แล้ว แ่ต่ได้กระโดดลงไปในน้ำโดยที่ศีรษะอยู่ใต้น้ำ ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๑๕. ถ้าลืมไปว่ากำลังถือศีลอด และได้ดำน้ำหรือถูกผู้อื่นจับกดน้ำ ขณะที่อยู่ใต้น้ำนึกขึ้นได้ว่ากำลังถือศีลอดหรือผู้อื่นปล่อยแล้ว จะต้องรีบโผล่ขึ้นจากน้ำทันที ถ้าไม่รีบโผล่ศีลอดบาฏิล

   ข้อที่ ๑๖๑๖. ถ้าลืมไปว่ากำลังถือศีลอดได้เนียตฆุซลฺโดยดำลงในน้ำ ศีลอดและฆุซลฺถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๑๗. ถ้ารู้ว่ากำลังถือศีลอดแต่ตั้งใจฆุซลฺโดยดำลงในน้ำ ถ้าเป็นศีลอดวาญิบซึ่งมีกำหนดเวลาที่แน่นอน เช่น ศีลอดเดือนเราะมะฎอน เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบจะต้องฆุซลฺใหม่อีกครั้ง และจะต้องกะฎอศีลอดวันนั้น แต่ถ้าเป็นศีลอดมุซตะฮับหรือวาญิบประเภทอื่น เช่น ศีลอดกัฟฟาเราะฮฺซึ่งไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ฆุซลฺถูกต้องแต่ศีลอดบาฏิล

   ข้อที่ ๑๖๑๘. กรณีที่จะต้องช่วยเหลือผู้ที่กำลังจะจมน้ำโดยดำศีรษะลงในน้ำ แม้ว่าการช่วยเหลือนั้นจะเป็นวาญิบ ศีลอดบาฏิล

๗.คงสภาพการมีญูนุบ ฮัยฎฺ หรือนิฟาซ จนถึงอะซานญุบฮฺ

   ข้อที่ ๑๖๑๙. ถ้ามีญูนุบแต่ตั้งใจไม่ฆุซลฺจนถึงอะซานซุบฮฺ หรือจะต้องทำตะยัมมุมแต่ตั้งใจไม่ทำ ศีลอบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๒๐. ขณะที่ถือศีลอดวาญิบ เช่น ศีลอดเดือนเราะฎอนซึ่งมีกำหนเวลาที่แน่นอน แต่ไม่ได้ฆุซลฺหรือทำตะยัมมุมจนถึงอะซานซุบฮฺโดยไม่เจตนา เช่น เพราะจากผู้อื่นจึงไม่สามารถทำฆุซลฺหรือทำตะยัมมุม ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๒๑. ผู้ที่มีญูนุบแต่ต้องถือศีลอดวาญิบ เช่น ศีลอดเดือนเราะมะฎอนซึ่งมีกำหนดเวลาที่แน่นอน ถ้าตั้งใจไม่ฆุซลฺเวลเหลือน้อย สามารถทำตะยัมมุมและถือศีลอดได้ ถือว่าถูกต้อง แต่เป็นการทำบาป

ข้อที่ ๑๖๒๒. ถ้ามีญูนุบในเดือนเราะมะฎอนแต่ลืมฆุซลฺ ซึ่งหลังจากนั้น ๑ วันจึงนึกขึ้นได้ ต้องกะฎอศีลอดวันนั้น หรือหลังจากนั้นหลายวันจึงนึกขึ้นได้ ต้องกะฎอศีลอดทุกวันเท่าที่มั่นใจว่ามีญูนุบ เช่น ไม่รู้ว่ามีญูนุบ ๓ วัน หรือ ๔ วัน ต้องกะฎอ ๓ วัน

ข้อที่ ๑๖๒๓. ผู้ที่ไมีมีเวลาพอฆุซลฺหรือทำตะยัมมุม ถ้าทำให้มีญูนุบในเวลากลางคืนของเดือนเราะมะฎอน ศีลอดบาฏิง เป็นวาญิบต้องกะฎอและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ แต่ถ้ามีเวลาพอทำตะยัมมุมและทำให้มีญูนุบ ถ้าทำตะยัมมุมถือศีลอด ถือว่าถูกต้อง แต่เป็นการทำบาป

ข้อที่ ๑๖๒๔. ถ้าคิดว่ามีเวลาพอแค่ฆุซลฺและทำให้มีญูนุบ หลังจากนั้นรู้วาไม่มีเวลาพอ ถ้าทำตะยัมมุม ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๒๕. ผู้ที่มีญูนุบในเวลากลางคืนของเดือนเราะมฎอน ซึ่งรู้ว่าถ้านอนหลับจนถึงอะซานซุบฮฺก็ไม่ตื่น ต้องไม่นอนหลับ ถ้านอนหลับจนถึงอะซานซุบฮฺก็ยังไม่ตื่น ศีลอดบาฏิล เป็นวาญิบต้องกะฎอและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๒๖. ทุกครั้งที่มีญูนุบในเวลากลางคืนของเดือนเราะมะฎอน ได้นอนหลับและตื่นขึ้น โดยคาดว่าถ้านอนหลับอีกครั้งจะตืนขึ้นฆุซลฺ สามารถนอนได้

ข้อที่ ๑๖๒๗. ผู้ที่ญูนุบในเวลกลางคืนของเดือนเราะมะฎอน รู้หรือคาดว่าถ้านอนหลับจะตื่นก่อนอะซานซุบฮฺ และตัดสินใจว่าหลังจากตื่นจะฆุซลฺแต่ได้นอนหลับจนถึงอะซานซุบฮฺ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๒๘. ผู้ที่มีญูนุบในเวลากลางคืนของเดือนเราะมะฎอน รู้หรือคาดว่าถ้านอนหลับจะตื่นก่อนอะซานซุบฮฺ แต่ไม่สนใจที่จะฆุซลฺหลังจากตื่น ถ้านอนหลับจนถึงอะซานซุบฮฺก็ยังไม่ตื่น ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๒๙. ผู้ที่มีญูนุบในเวลากลางคืนของเดือนเราะมะฎอน รู้หรือคาดว่าถ้านอนหลับจะตื่นก่อนอะซานซุบฮฺ แต่ไม่ต้องการที่จะฆุซลฺหลังจากตื่นหรือลังเลว่าจะฆุซลฺดีหรือไม่ หรืือไม่เห็นความสำคัญ ในกรณีนี้ถ้านอนหลับและไม่ตื่น ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๓๐. ถ้ามีญูนุบในเวลากลางคืนของเดือนเราะมะฎอน ได้นอนหลับและตื่นขึ้น ซึ่งรู้หรือคาดว่าถ้านอนหลับอีกครั้งจะตื่นก่อนอะซานซุบฮฺและตัดสินใจว่าหลังจากตื่นจะฆุซลฺ จึงได้นอนหลับไปอีกครั้งจนถึงอะซานซุบฮฺก็ยังไม่ตื่น ต้องกะฎอศีลอดวันนั้น เช่นเดียวกันถ้าตื่นขึ้นจากการนอนครั้งที่ ๒ และได้นอนหลับอีกเป็นครั้งที่ ๓ ไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๓๑. การนอนหลับที่ฝันจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา ไม่ถือว่าเป็นการนอนหลับครั้งแรก ถ้าตื่นและนอนหลับไปอีกครั้ง จึงจะถือว่าเป็นการนอนหลับครั้งแรก

ข้อที่ ๑๖๓๒. ขณะที่ถือศีลอด ในเวลากลางวันได้ฝันจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา ไม่เป็นวาญิบต้องรีบฆุซลฺ

ข้อที่ ๑๖๓๓. ทุกครั้งในเดือนเราะมะฏอน ถ้าตื่นหลังอะซานซุบฮฺและได้เห็นน้ำอสุจิ ถึงแม้จะรูู้้ว่าน้ำอสุจิได้เคลื่อนออกมาก่อนอะซานซุบฮฺ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๓๔. ผู้ที่ต้องกะฎอศีลอดเดือนเราะมะฎอน ทุกครั้งถ้าคงสภาพการมีญูนุบจนถึงอะซานซุบฮฺ ถึงแม้ว่าจะไม่ตั้งใจ ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๓๕. ผู้ที่ต้องกะฎอศีลอดเดือนเราะมะฎอน ถ้าตื่นหลังอะซานซุบฮฺและได้เห็นน้ำอสุจิ โดยรู้ว่าน้ำอสุจิได้เคลื่อนออกมาก่อนอะซานซุบฮฺ ถ้าเวลากะฎอศีลอดเหลือน้อย เช่น มีกะฎอศีลอเดือนเราะมะฏอนอยู่ ๕ วัน และอีก ๕ วันก็จะถึงเดือนเราะมะฏอน ให้ไปกะฎอหลังเดือนเราะมะฎอน แต่ถ้าเวลากะฎอเหลืออีกมาก และต้องถือศีลอดประเภทอื่น ในกรณีไม่จำเป็นต้องกะฏอศีลอด

ข้อที่ ๑๖๓๖. ศีลอดวาญิบที่นอกเหนือจากเดือนเราะมะฎอนและกะฎอเดือนเราะมะฏอน ถ้าคงสภาพการมีญูนุบจนถึงอะซานซุบฮฺ ถึงแม้ว่าจะเกิดจากควมตั้งใจ ศีลอดถูกต้อง ไม่วาศีลอดนั้นจะมีเวลาที่แน่นอนหรือไม่ก็ตาม

ข้อที่ที ๑๖๓๗. หญิงที่หมดฮัยฎฺหรือนิฟาซก่อนอะซานซุบฮฺ ถ้าตั้งใจไม่ฆุซลฺหรือต้องทำตะยัมมุมแต่ตั้งใจไม่ทำ ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๓๘. หญิงที่หมดฮัยฎฺหรือนิฟาซก่อนอะซานซุบฮฺแต่ไม่มีเวลาฆุซลฺ ถ้าต้องถือศีลอดวาญิบ เช่น ศีลอดเดือนเราะมะฏอนซึ่งมีกำหนดเวลาที่แน่นอน ถ้าทำตะยัมมุม ศีลอดถูกต้อง และไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นขึ้นอยู่จนถึงเวลาซุบฮฺ แต่ถ้าต้องการถือศีลอดมุซตะฮับหรือวาญิบ เช่น ศีลอดกัฟฟาเราะฮฺ ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ไม่สามารถทำตะยัมมุมถือศีลอดได้

ข้อที่ ๑๖๓๙. หญิงที่หมดฮัยฎฺหนือนิฟาซในเวลาใกล้จะอะซานซุบฮฺ แต่ไม่มีเวลาพอที่จะฆุซลฺหรือทำตะยัมมุม หรือหลังอะซานรู้ว่าได้หมดก่อนอะซาน ศีลอดถูกต้อง แต่ถ้ายังมีเวลามากและเป็นการกะฏอศีลอดเดือนเราะมะฎอน ความถูกต้องยังเป็นที่สงสัย

ข้อที่ ๑๖๔๐. หญิงที่หมดฮัยฎฺหรือนิฟาซหลังอะซานซุบฮฺ หรือในระหว่างนั้นได้มีฮัยฎฺหรือนิฟาซ ถึงแม้ว่าใกล้จะมัฆริบ ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๔๑. ถ้าหญิงลืมฆุซลฺฮัยฎฺหรือนิฟาซ หลังจากนั้นวันหรือสองสามวันจึงนึกขึ้นไ้ด้ ศีลอดที่ไดุ้ถือมาถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๔๒. หญิงที่หมดฮัยฎฺหรือนิฟาซก่อนอะซานซุบฮฺ แต่ปล่อยเวลให้ผ่านไปโดยไม่ฆุซลฺจนถึงอะซานซุบฮฺ หรือมีเวลาน้อยก็ไม่ทำตะยัมมุม ศีลอดบาฎิล แต่ถ้าไม่ได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไป เช่น รอห้องน้ำหญิงว่าง ถึงแม้ว่าจะนอนหลับไปสามครั้งจนถึงอะซานซุบฮฺก็ยังไม่ได้ฆุซลฺ ถ้าทำตะยัมมุม ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๔๓. หญิงที่มีอิซติฮาเฎาะฮฺ ถ้าฆุซลฺตามที่ได้กล่าวไว้ในกฏของอิซติฮาเฎาะฮฺ ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๔๔. ผู้ที่ถูกมัยยิต หมายถึง ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไปถูกมัยยิต สามารถถือศีลอดได้โดยปราศจากฆุซลฺมัซมัยยิต และในขณะที่ถือศีลอดถ้าไปถูกมัยยิด ศีลอดไม่บาฏิล

๘. การสวนทวาร

ข้อที่ ๑๖๔๕. การสวนทวารด้วยของเหลว ถึงแม้ว่าจะทำด้วยความจำเป็นหรือเพื่อการรักษา ศีลอดก็บาฏิล แต่ถ้าใช้ยาเหน็บช่องทวารเพื่อการรักษา ไม่เป็นไร แต่เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบ จะต้องหลีกเลี่ยงไม่ใช้ยาเหน็บช่องทวารเพื่อความเคลิบเคลิ้ม เช่น ยาเหน็บประเภทเฮโรอีน หรือเพื่อทดแทนอาหาร

๙.การอาเจียน

ข้อที่ ๑๖๔๖. ทุกครั้งที่ถือศีลอดถ้าตั้งใจอาเจียน ถึงแม้จะมีสาเหตุมาจากการเจ็บป่วย หรือเหตุที่คล้ายคลึงกันเพราะความจำเป็น ศีลอดก็บาฏิล แต่ถ้าอาเจียนโดยบังเอิญหรือไม่ตั้งใจ ไม่เป็นไร

ข้อที่ ๑๖๔๗. ถ้าในเวลากลางคืนได้กินสิ่งที่ซึ่งรู้ว่าจะเป็นสาเหตุให้อาเจียนโดยไม่เจตนาในเวลากาลางวัน เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบจะต้องกะฎอศีลอดวันนั้น

ข้อที่ ๑๖๔๘. ขณะที่ถือศีลอด ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงการอาเจียนได้โดยไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น ต้องหลีกเลี่ยง

ข้อที่ ๑๖๔๙. ถ้าแมลงวันเข้าไปในลำคอของผู้ที่ถือศีลอดและลงไปลึก ซึ่งไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการกิน ไม่จำเป็นต้องเอาออก ศีลอดถูกต้อง แต่ถ้าาลงไปลึกต้องเอาออก ถึงแม้ว่าจะเป็นสาเหตุให้อาเจียนและศีลอดบาฏิลก็ตาม ถ้ากลืนลงไปก็เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล และเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๕๐. ถ้าบังเอิญกลืนสิ่งใด ๆ และก่อนที่จะลงถึงกระเพาะนึกขึ้นได้ว่ากำลังถือศีลอด ถ้าลงไปลึกและเข้าไปในกระเพาะ ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการกิน ไม่จำเป็นต้องเอาออก ศีลอดถูกต้อง

ข้อที่ ๑๖๕๑. ถ้ามั่นใจว่าการเรอจะทำให้บางสิ่งบางอย่างออกมาจากลำคอ จะต้องไม่ตั้งใจเรอ แต่ถ้าไม่มั่นใจ ไม่เป็นไร

ข้อที่ ๑๖๕๒. ถ้าเรอโดยไม่เจตนา และีมีบางสิ่งบางอย่างออกมาจากลำคอ จะต้องคายทิ้ง แต่ถ้ากาลืนโดยไม่ได้ตั้งใจ ศีลอดถูกต้อง

อะฮฺกามของสิ่งที่เแป็นสาเหตุทำให้ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๕๓. ถ้าตั้งใจหรือเจตนากระทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ศีลอดบาฏิล ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้หรือไม่ก็ตาม และเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบในกรณีของผู้ที่ไม่สามารถสอบถามได้ ถ้าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ ไม่เป็นไร แต่กรณีี่เป็นญูนุบถ้าไ้ด้อนหลับจนถึงอะซานซุบฮฺ และไม่ได้ฆุซลฺ ศีลอดบาฏิล ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วใน ๑๖๓๐

ข้อที่ ๑๖๕๔. ขณะที่ถือศีลอด ถ้าบังเอิญทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิงลและคิดว่าศีลอดบาฏิลแล้ว ถ้าตั้งใจทำอีกคร้ง ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๕๕. ถ้าในเวลากลางวัน ผู้ที่ถือศีลอดถูกบังคับด้วยการกรอกบางสิ่งบางอย่างลงไปในลำคอ หรือถูกจับศีรษะกดน้ำ ศีลอดไม่บาฏิล แต่ถ้าเป็นการถูกบังคับให้ศีลอดบาฏิล เช่น พูดว่าถ้าไม่กินอาหารจะทำลายทรัพย์สินหรือจะทำร้ายร่างกาย จึงได้ป้องกันการกระทำดังกล่าวโดยกินอาหาร ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๖๕๖. ขณะที่ถือศีลอด จะต้องไม่เข้าไปในสถานที่ซึ่งรู้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างเข้าไปในคอ หรือจะต้องถูกบังคับให้ศีลอดบาฏิล แต่ถ้าตั้งใจจะไปและไม่ได้ไป หรือไปแล้วแต่ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น ศีลอดถูกต้อง แต่ในบางกรณีถ้าจำเป็นจะต้องทำบางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ศีลอดบาฏิล แต่ถ้าถูกกรอกบางสิ่งบางอย่างเข้าไปในคอ ศีลอดจะบาฏิลหรือไม่ยังเป็นที่สงสียอย่

สิ่งที่เป็นมักรูฮฺสำหรับผู้ที่ถือศีลอด

ข้อที่ ๑๖๕๗. สิ่งที่เป็นมักรูฮฺสำหรับผู้ที่ถือศีลอดคือ

- การหยอดยาตา

- การเขียนตา ในกรณีที่ รส หรือกลิ่น เข้าไปในลำคอ

- การทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น การให้เลือด หรือการอาบน้ำที่เป็นสาเหตุให้อ่อนเพลีย

- การสูดดมดอกไม้ี่ที่มีกลิ่นหอม

- การนั่งแช่น้ำของหญิง

- การใช้ยาเหน็บ

- การทำให้เสื้อผ้าที่ร่างกายเปียก

- การจูบภรรยาโดยที่ไม่ไ้ด้ตั้งใจจะให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมา

- การทำบางสิ่งบางอย่างให้เกิดอารมณ์ทางเพศ

แต่ถ้าตั้งใจจะให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมา และน้ำอสุจิเคลื่อนออกมาจริง ศีลอดบาฏิล

กรณีที่เป็นวาญิบต้องกะฎอและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

   ข้อที่ ๑๖๕๘. ขณะที่ถือศีลอดเดือนเราะมะฏอน ถ้าตั้งใจอาเจียนหรือในเวลากลางคืนทำให้เกิดญูนุบ ตามที่กล่าวไว้ในข้อที่ที ๑๖๓๐ ถ้าตื่นขึ้น ๓ ครั้งแล้วนอนหลับไปจนถึงอะซานซุบฮฺก็ยังไม่ตื่น ให้ถือศีลอดกะฎอเท่านั้น แต่ถ้าตั้งใจดำน้ำหรือสวนทวาร เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺด้วย หรือตั้งใจทำในสิ่งทีเป็นสาเหตุให้ีศีลอดบาฏิล เป็นวาญิบต้องกะฎอและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

   ข้อที่ ๑๖๕๙. ถ้าไม่รู้กฏแต่ได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิลทั้ง ๆ ที่สามารถเรียนรู้ได้ เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ แต่ถ้าไม่สามารถเรียนรู้ได้หรือโดยพื้นฐานไม่รู้กฏเลย หรือมั่นใจว่าสิ่งนั้นไม่ใช่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

การกัฟฟาเราะฮฺศีลอด

   ข้อที่ ๑๖๖๐. ผู้ที่เป็นวาญิบจะต้องจ่ายกัฟฟาเราะฺฮฺศีลอดเดือนเราะมะฎอน ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้ คือ

- ถือศีลอด ๒ เดือนติดต่อกัน

- เลี้ยงอาหารคนยากจน ๖๐ คน หรือให้จ่ายอาหารทุกคน คนละ ๑ มุด ประมาณ ๗ ขีดครึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน

แต่ถ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้จ่ายอาหารแก่คนยากจนเท่าที่สามารถจะทำได้ ถ้ายังไม่สามารถจ่ายอาหารได้อีกก็ให้ทำการอภัยโทษ เช่น กล่าวเพียงครั้งเดียวว่า อัซตัฆฟิรุีลลอฮะฯ และเป็นอิฮฺติยาฎวาญิบ ถ้าเมื่อใดสามารถจ่ายกัฟฟาเราะฮฺได้ ต้องจ่าย

ข้อที่ ๑๖๖๑. ผู้ที่ต้องการกัฟฟาเราะฮฺศีลอดเดือนเราะมะฎอน ๒ เดือนจะต้องถือศึลอดติดต่อกัน ๓๑ ส่วนวันที่เหลือถ้าถือไม่ติดต่อกัน ไม่เป็นไร

ข้อที่่ ๑๖๖๒. ผู้ที่ต้องการกัฟฟาเราะฮฺศีลอดเดือนเราะมะฎอน ๒ เดือน ใน ๓๑ วันแรกที่จะถือศีลอด ต้องไม่ตรงกับวัน เช่น อีดกุรบาน ซึ่งฮะรอมสำหรับการถือศึลอด

ข้อที่ ๑๖๖๓. ผู้ที่ถือศีอลดติดกัน ถ้าในระหว่างนั้นได้หยุดถือศีลอด ๑ วันโดยไม่มีสาเหตุหรือช่วงเวลาที่เริ่มได้ไปตรงกับวันที่เป็นวาญิบต้องถือศีอลด เช่น เป็นวันที่นะซัรว่าจะถือศีลอด ดังนั้น จะต้องเริ่มถือศีลอดทั้งหมดใหม่

ข้อที่ ๑๖๖๔. ในระหว่างวันที่ถือศีลอดติดต่อกัน ถ้ามีอุปสรรคเกิดขึ้น เช่น มีฮัยฎฺ นิฟาซ หรือมีความจำเป็นที่ต้องเดิินทางไกล หลังจากที่อุปสรรคเหล่านั้นได้ผ่านไป ไม่เป็นวาญิบที่จะต้องเริมถือศีลอดใหม่ โดยถือวันที่เหลือหลังจากที่อุปสรรคได้ผ่านไป

ข้อที่ ๑๖๖๕. ถ้าทำให้ศีลอดบาฏิลโดยวิธีการที่ฮะรอม ไม่ว่าสิ่งนั้นจะฮะรอมโดยสภาพ เช่น สุรา หรือการทำซินา หรือฮะรอมโดยมีสาเหตุ เช่น ร่วมเพศกับภริยาในขณะที่มีฮัยฎฺ ดังนั้น เป็นวาญิบจะต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺรวม หมายถึงต้องปล่อยทาสให้เป็นอิสระ ๑ คน และถือศีลอด ๒ เืดือน และเลี้ยงอาหารคนยากจน ๖๐ คน หรือจ่ายอาหารให้คนยากจนคนละ ๑ มุด ประมาณ ๗ ขีดครึ่ง ซึ่่งอาจจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ โรตี หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน แต่ถ้าไม่สามารถปฏิบัติทั้ง ๓ วิธีได้ วิธีหนึ่งวิธีใดที่สามารถปฏิบัติได้ต้องปฏิบัติ

ข้อที่ ๑๖๖๖. ขณะที่ถือศีลอด ถ้าพูดความเท็จที่เกี่ยวข้องกับ อัลลอฮฺ (ซบ.) หรือนบี เป็นอิหฺติยาฏเป็นวาญิบจะต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺรวม ตามที่ได้กล่าวมาในข้อที่ก่อน

ข้อที่ ๑๖๖๗. ขณะที่ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน วันหนึ่งได้ร่วมเพศหลายครั้ง เป็นวาิญิบจ่ายเพียงกัฟฟาเราะฮฺเดียว แต่ถ้าเป็นการร่วมเพศที่ฮะรอมเป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺรวมเพี่ยงครั้งเดียว

ข้อที่ ๑๖๖๘. ขณะที่ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน วันหนึ่งได้ทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการร่วมเพศหลายครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฎิล จ่ายเพียงกัฟฟาเราะฮฺเดียว

ข้อที่ ๑๖๖๙. ขณะที่ถือศีลอด ได้ร่วมเพศที่ฮะรอม หลังจากนั้นได้ร่วมเพศที่ฮะลาล ให้จ่ายกะฟะเราะฮฺรวมเพียงครั้งเดียว

ข้อที่ ๑๖๗๐. ขณะที่ถือศีลอด ได้ทำสิ่งที่ฮะลาลแต่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล เช่น ดื่่มน้ำ และหลังจากนั้นได้ทำสิ่ิงที่ฮะรอมนอกเหนือจากการร่วมเพศ ที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล เช่น กินอาหารที่ฮะรอม ให้จ่ายเพียงกัฟฟาเราะฮฺเดียว

ข้อที่ ๑๖๗๑. ขณะที่ถือศีลอด ได้เรอและมีบางสิ่งออกมาอยู่ในปาก ถ้าตั้งใจกลืนลงไปศีลอดบาฏิล เป็นวาญิบต้องกะฎอและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ แต่ถ้ากินสิ่งที่ฮะรอม เช่น ขณะที่เรอมีเลือดหรือสิ่งที่หมดสภาพการเป็นอาหารออกมาอยู่ในปาก โดยตั้้งใจกลืนลงไป เป็นอิหฺติยาฏเป็นวาิญิบต้องกะฎอและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺรวม

ข้อที่ ๑๖๗๒. ถ้านะซัีรว่าจะถือศีลอดในวันใดวันหนึ่้ง และวันนั้นตั้้งใจทำให้ศีลอดบาฏิล ต้องปล่อยทาสให้อิสระ ๑ คนหรือถือศีลอด ๒ เดือนติดต่อกัน หรือเลี้ยงอาหารคนยากจน ๖๐ คน

ข้อที่ ๑๖๗๓. ผู้ที่สามารถรู้เวลา แต่ละศีลอดเพราะผู้อื่นบอกว่าเป็นเวลามัฆริบแล้ว หลังจากนั้นรู้ว่ายังไม่เป็นเวลามัฆริบ เป็นวาญิบต้องกะฎอและจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๗๔. ผู้ที่ตั้งใจทำให้ศีลอดบาฏิล ถ้าได้เดินทางไกลก่อนหรือหลังซุฮฺริ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ ก็ต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ และถึงแม้่ว่าจำเป็นต้องเดินทางไกลก่อนซุฮฺริ เป็นอิหฺติยาฏเป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๗๕. ถ้าตั้งใจทำให้ศีลอดบาฏิล และหลังจากนั้นมีอุปสรรคเกิดขึ้น เช่น มีฮัยฎฺ นิฟาซ หรือเจ็บป่วย ไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๗๖. ถ้ามั่นใจว่าเป็นวันแรกของเดือนเราะมะฎอน แต่ตั้งใจทำให้ศีลอดบาฏิล หลังจากนั้นรู้ว่าเป็นวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน ไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๗๗. ถ้าสงสัยว่าเป็นวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอนหรือวันแรกของเดือนเชาวาล และตั้งใจทำให้ศีลอดบาฏิล หลังจากนั้นรู้ว่าเป็นวันแรกของเดือนเชาวาล ไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๗๘. ขณะที่ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน ได้ร่วมเพศกับภริยาที่ถือศีลอดโดยการบังคับต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺของตนและภริยา แต่ถ้าภริยายินยอม เป็นวาญิบทั้งสามีและภริยต้องจ่ายคนละกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๗๙. ถ้าภริยาบังคับสามีที่ถือศีลอดให้ร่วมเพศ หรือทำในสิ่งที่เป็นสาเำหตุให้ศีลอดบาฏิล ไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺของสามี

ข้อที่ ๑๖๘๐. ขณะที่ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน ได้ร่วมเพศกับภริยาที่ถือศีลอดโดยการบังคับซึ่งภริยาไม่ยินยอม แต่ในขณะที่ร่วมเพศได้ยินยอมสามีต้องจ่าย ๒ กัฟฟาเราะฮฺ ส่วนภริยาจ่ายเพียงกัฟฟาเราะฮฺเดียว แต่ถ้าภริยาต้องการและเจตนาที่จะร่วมเพศ ถึงแม้ว่าจะเป็นการบังคับ สามีก็ต้องจ่ายกะฟะเราะฮฺของตนและของภริยา

ข้อที่ ๑๖๘๑. ขณะที่ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน ถ้าร่วมเพศกับภริยาซึ่งถือศีลอดขณะที่หลับเป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺเดียว ส่วนศีลอดของภริยาถูกต้อง และไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๘๒. ถ้าสามีบังคับภริยาให้ทำในสิ่งที่เป้นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล นอกเหนือจากการร่วมเทศ ไม่ต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺแทนภริยา และไม่เป็นวาญิบสำหรับภริยาีที่จะต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ

ข้อที่ ๑๖๘๓. ผู้ที่ไม่ได้ถือศีลอด เพราะเดินทางไกล หรือเจ็บป่วยไม่สามารถบังคับภริยาที่ถือศีลอดให้ร่วมเพศได้ ถ้าบังคับภริยา เป็นอิฮฺติยาฎต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺแทนภริยา

ข้อที่ ๑๖๘๔. การจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ จะต้องไม่ปล่อยเวลาให้ล่าช้า แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบจ่าย

ข้อที่ ๑๖๘๕. ถ้าเป็น็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ และเวลาได้ผ่านมาสองสามปี ไม่ต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺเพิ่ม

ข้อที่ ๑๖๘๖. ผู้ที่จ่ายกัฟฟาเราะฮฺ โดยการเลี้ยงอาหารแก่คนยากจน ๖๐ คน ถ้าสามารถเลี้ยงได้ภายในวันเดียว ไม่ต้องเลี้ยงอาหารแต่คนเกิน ๑ มุด ประมาณ ๗ ขีดครึ่ง แต่ถ้ามีอาหารมากพอซึ่งคนยากจนจะนำไปให้หรือเลี้ยงคนในครัว จะต้องให้อาหารแก่คนในครอบครัวของคนยากจนคนละ ๑ มุด ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กก็ตาม

ข้อที่ ๑๖๘๗. ผู้ที่ถือศีลอดกะฏอเดือนเราะมฎอน ถ้าหลังซุฮฺริได้ตั้งใจทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล จะต้องเลี้ยงอาหารแก่คนยากจน ๑๐ คน คนละ ๑ มุด ประมาณ ๗ ขีดครึ่ง แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบให้ถือศีลอดติดต่อกัน ๓วัน

กรณีที่เป็นวาญิบต้องกะฎอเพียงอย่างเดียว

ข้อที่ ๑๖๘๘. กรณีที่เป็นวาญิบต้องกะฎอศีลอดเพียงอย่างเดียวโดยไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺคือ

๑.     ขณะที่ถือศีลอดเดือนเราะมฎอน ตั้งใจอาเจียน

๒.     คงสภาพการมีญูนุบในเดือนเราะมะฎอน ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้อที่ ๑๖๓๐ จนถึงอะซานซุบฮฺ และไม่ตื่นขึ้นจากการนอนครั้งที่สาม

๓.     ไม่ได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล แต่ไม่ได้เนียตถือศีลอด หรือโอ้อวด หรือมีเจตนาที่จะไม่ถือศีลอด

๔.    ลืมฆุซลฺญะนาบะฮฺในเดือนเราะมะฏอน และได้ถือศีลอดในสภาพที่มีญูนุบสองหรือสามวัน

๕.    ในเดือนเราะมะฏอน ไม่ได้สอบถามว่าเป็นเวลาซุบฮฺหรือยัง ปละได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ซึ่งต่อมารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺ เช่นเดียวกันถ้าภายหลังสอบถามแล้วคาดว่าเป็นเวลาซุบฮฺได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ต่อมาภายหลังรู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺแล้ว เป็นวาญิบต้องกะฎอศีลอดวันนั้น แต่ถ้าสอบถามแล้วคาดหรือเชื่อว่ายังไม่ถึงเวลาซุบฮฺ จึงได้กินบางสิ่งบางอย่าง ต่อมารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺแล้ว ไม่เป็นวาญิบต้องกะฎอ ถ้าสอบถามแล้วยังสงสัยว่าเป็นเวลาซุบฮฺหรือไม่ ได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิลต่อมารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺ ไม่เป็นวาญิบต้องกะฏอ

๖.     ถ้ามีผู้บอกว่ายังไม่ถึงเวลาซุบฮฺ ถ้าได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิลตามคำบอกนั้น ต่อมารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺ

๗.    มีผู้บอกว่าเป็นเวลาซุบฮฺ แต่ไม่เชื่อหรือคิดว่าเป็นการล้อเล่น ได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ต่อมารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺ

๘.    ผู้ที่ตาบอดหรือผู้ที่มีสภาพคล้ายคลึงกัน ได้ละศีลอดตามคำบอกของผู้อื่น ต่อมารู้ว่ายังไม่ถึงเวลามัฆริืบ

๙.    สภาพที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งแต่ได้มืดมิดลง จึงมั่นใจว่าเป็นเวลามัฆริบและได้ละศีลอด ต่อมารู้ว่ายังไม่ถึงเวลามัฆริบ แต่ในสภาพที่ท้องฟ้ามืดคลึ้มปกคลุมด้วยเมฆ จึงคาดว่าเป็นเวลามัฆริบ และได้ละศีลอด ต่อมารู้ว่ายังไม่ถึงเวลามัฆริบ ไม่จำเป็นต้องกะฎอ

๑๐. เพื่อความสดชื่น หรือทำการบ้วนปากโดยไม่มีสาเหตุ หมายถึงกลั้วน้ำในปากและน้ำได้เข้าไปโดยไม่เจตนา แต่ถ้าลืมไปว่ากำลังถือศีลอดได้กลืนน้ำหรือบ้วนปากทำวุฎูอฺ และน้ำได้เข้าไปโดยไม่เจตนา ไม่เป็นวาญิบต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๖๘๙. ถ้านำสิ่งอื่นนอกเหนือจากน้ำเข้าไปในปาก และได้กลืนลงไปโดยไม่เจตนา หรือเอาน้ำใส่จมูกและน้ำได้เข้าไปโดยไม่เจตนา ไม่เป็นวาญิบต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๙๙๐. การบ้วนปากหลาย ๆ ครั้ง เป็นมักรูฮฺสำหรับผู้ที่ถือศีลอด และหลังจากบ้วนปากต้องการจะกลืนน้ำในปาก เป็นการดีต้องบ้วนทิ้งสามครั้ง

ข้อที่ ๑๙๙๐. ถ้ารู้ว่าการบ้วนปากจะทำให้น้ำเข้าไปในลำคอโดยไม่เจตนาหรือลืม จะต้องไม่บ้วนปาก

ข้อที่ ๑๙๙๒. ในเดือนเราะมะฎอน หลังจากการสอบถามมั่นใจว่าายังไม่ถึงเวลาซุบฮฺ และได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ต่อมารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺ ไม่จำเป็นต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๙๙๓. ถ้าสงสัยว่าเป็นเวลามัฆริบหรือยัง ไม่สามารถละศีลอดได้ แต่ถ้าสงสัยว่าเป็นเวลาซุบฮฺหรือยัง ก่อนที่จะสอบถามสามารถทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิลได้

อะฮฺกามการกะฎอศีลอด

ข้อที่ ๑๖๙๔. คนวิกลจริตที่หายเป็นปกติ ไม่เป็นวาญิบต้องกะฎอศีลอดในขณะที่วิกลจริต

ข้อที่ ๑๖๙๕. ถ้ากาฟิรเป็นมุสลิม ไม่เป็นวาญิบต้องกะฎอศีลอดในขณะที่เป็นกาฟิรี แต่ถ้ามุสลิมเป็นกาฟิรและกลับมาเป็นมุสลิมอีกครั้ง ต้องกะฏอศีลอดในขณะที่เป็นกาฟิร

ข้อที่ ๑๖๙๖. ศีลอดที่เสียไปเพราะมีอาการมึนเมา จะต้องกะฎอ ถึงแม้ว่อาการมึมเมาจะมีสาเหตุมาจากการรักษาก็ตาม แต่ถ้าเนียตศีลอดแล้วมีอาการมันเมา และในระหว่างนั้นได้หายจากอาการมึนเมา เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องถือศีลอดตลอดวันและต้องกะฎอ หรือถ้าถือศีลอดในสภาพที่มึมเมาตลอดวันก็ต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๖๙๗. ถ้ามีอุปสรรคไม่สามารถถือศีลอดได้ ๒ หรือ ๓ วัน หลังจากนั้นสงสัยว่าอุปสรรคได้ผ่านไปเมื่อใด สามารถกะฎอศีลอดที่ไม่ได้ถือเท่าจำนวนวันที่น้อยที่สุด เช่น ผู้เดินทางไกลก่อนเดือนเราะมะฎอน ไม่รู้ว่ากลับมาวันที่ ๕ หรือ ๖ ของเดือนเราะมะฎอน สามารถถือศีลอด ๕ วันได้ เช่นเดียวกัน ผู้ที่ไม่รู้ว่าอุปสรรคเกิดขึ้นเมื่อใด สามารถกะฏอศีลอดเท่าจำนวนวันที่น้อยได้ เช่น เดินทางไกลปลายเดือนเราะมะฎอน และกลับหลังจากเดือนเราะมะฎอน โดยไม่รู้ว่าเดินทางไปเมื่อวันที่ ๒๕ หรือ ๒๖ ของเดือนเราะมะฎอน ดังนั้น สามารถกะฎอศีลอดเท่าจำนวนวันที่น้อยคือ ๕ วัน

ข้อที่ ๑๙๙๘. ถ้ามีศีลอดกะฎอเดือนเราะมะฎอน ๒ หรือ ๓ เดือน จะกะฎอเดือนใดก่อนก็ได้ ไม่เป็นไร แต่เวลาที่จะกะฎอเดือนเราะมะฎอนสุดท้ายเหลือน้อย เช่น มีศีลอดกะฎอของเดือนเราะมะฎอนสุดท้ายอยู่ ๕ วัน และอีก ๕ วันจะถึงเดือนเราะมะฎอน ดังนั้น จะต้องกะฎอเดือนเราะฎอนสุดท้ายก่อน

ข้อที่ ๑๖๙๙. ถ้ามีศีลอดเดือนเราะมะฎอน ๒ หรือ ๓ เดือนเป็นวาญิบ ซึ่งเวลาเนียตไม่ได้กำหนดว่าเป็นเดือนเราะมะฎอนไหน ดังนั้น ถือเป็นกะฎอของปีแรก

ข้อที่ ๑๗๐๐. ผู้ที่ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน ถ้ามีเวลาพอสามารถละศีลอดได้ก่อนซุฮฺริ

ข้อที่ ๑๗๐๑. ถ้ากะฎอศีลอดซึ่งกำหนดวันที่แน่นอน เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบ ไม่ให้ละศีลอดหลังซุฮฺริ

ข้อที่ ๑๗๐๒. ถ้าไม่ได้ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน เพราะเจ็บป่วย หรือมีฮัยฎฺ นิฟาซ และได้ตายก่อนสิ้นเดือนเราะมะฎอน ไม่จำเป็นต้องกะฎอศีลอดที่ไม่ได้ถือให้

ข้อที่ ๑๗๐๓. ถ้าไม่ได้ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอนเพราะเจ็บวป่วย ซึ่งการเจ็บป่วยยาวนานไปจนถึงเดือนเราะฎอนของปีถัดไป ไม่เป็นวาญิบต้องกะฎอศีลอดที่ไม่ได้ถือ แต่ต้องจ่ายอาหารทุกวัน ันละ ๑ มุด ประมาณ ๗ ขีดครึ้ง ซึ่งเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ หรือสิ่งที่คล้ายคลึ่งกันแก่คนยากจน แต่ถ้าเป็นเพราะสาเหตุอื่น เช่น ไม่ได้ถือศีลอดเพราะเดินทางไกล ซึ่งอุปสรรคได้ยาวนานไปจนถึงเดือนเราะมะฎอนของปีถัดไป จะต้องกะฎอศีลอดที่ไม่ได้ถือ และเป็นอิฮฺติยาฏมุซตะฮับ ต้องจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด

ข้อที่ ๑๗๐๔. ถ้าไม่ได้ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอนเพราะเจ็บวป่วย และหลังจากเดือนเราะมะฎอนได้หายเป็นปาติ แต่เกิดอุปสรรคอย่างอื่่นขึ้นไม่สามารถถือศีลอดกะฎอได้ จนถึงเดือนเราะมะฎอนปีถัดไป จะต้องกะฎอศีลอดที่ไม่ได้ถือ เช่นเดียวกัน ถ้าในเดือนเราะมะฎอนได้มีอุปสรรคอย่างอื่นนอกจากการเจ็บป่วยเกิดขึ้น และหลังจากเดือนเราะมาะฎอนอุปสรรคได้ผ่านไป แต่ไม่สามารถถือศีลอดได้จนถึงเดือนเราะมะฎอนของปีถัดไปเพราะเจ็บป่วย ดังนั้น ต้องกะฏอศีลอดที่ไม่ได้ถือ

ข้อที่ ๑๗๐๕. ถ้าไม่ได้ถือศีลอดเดือนเราะมะฏอนเพราะมีอุปสรรค และหลังจากเดือนเราะมะฎอนอุปสรรคได้ผ่านไป แต่ตั้งใจจะไม่กะฎอศีลอดจนถึงเดือนเราะมะฎอนปีหน้า จะต้องกะฎอศีลอดและจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด ซึ่งอาจเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน

ข้อที่ ๑๗๐๖. ถ้าปล่อยเวลาให้ล่าช้าในการกะฎอศีลอด จนเวลาเหลือน้อยและเวลาที่เหลือน้อยนั้นมีอุปสรรค จะต้องเกาะฎอศีลอดและจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด ซึ่งอาจเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน และขณะที่มีอุปสรรคตัดสินใจว่าจะกะฎอศีลอดภายหลังจากอุปสรรคได้ผ่านพ้นไป ซึ่งก่อนที่จะกะฎอในเวลาที่เหลือน้อยได้มีอุปสรรคอีก จะต้องกะฎอศีลอดนั้น และเป็นอิฺฺ์ฮฺติยาฏวาญิบต้องจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด

ข้อที่ ๑๗๐๗. ถ้าอาการเจ็บป่วยได้ยาวนานไปถึง ๒ หรือ ๓ ปี หลังจากที่หายเป็นปกติ ซึ่งจนกว่าจะถึงเดือนเราะมะฎอนปีหน้า มีเวลาเหลือแค่เพียงกะฎอ ต้องกะฎอเดือนเราะมะฎอนสุดท้าย ส่วนปีก่อนหน้านั้นต้องจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด ซึ่งอาจเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน

ข้อที ๑๗๐๘. ผู้ที่ต้องจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด สามารถจ่ายกัฟฟาเราะฮฺ ๒ หรือ ๓ วัน ให้คนยากจนเพียงคนเดียวได้

ข้อที่ ๑๗๐๙. ถ้าปล่อยเวลาให้ล่าช้า ในการกะฎอศีลอดเดือนเราะมะฎอน ๒ หรือ ๓ ปี จะค้องกะฎอศีลอดและจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด

ข้อที่ ๑๗๑๐. ถ้าตั้งใจไม่ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน จะต้องกะฎอโดยถือศีลอด ๒ เดือนต่อ ๑ วัน หรือเลี้ยงอาหารแก่คนยากจน ๖๐ คน หรือปล่อยทาสให้เป็อิสระ ๑ คน ถ้าไม่กะฎอศีลอดจนถึงเดือนเราะมะฎอนปีหน้า จำเป็นจ่ายอาหารทุกวัน วันละ ๑ มุด

ข้อที่ ๑๗๑๑. ถ้าตั้งใจไม่ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน และในเวลากลางวันได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิลซ้ำกันหลายครั้ง เช่น ได้ร่วมเพศสองหรือสามครั้ง ให้จ่ายเพียงกัฟฟาเราะฮฺเดียว

ข้อที่ ๑๗๑๒. ถ้าบิดาตายบุตรชายคนโตต้องกะฎอนมาซและศีลอดแทน ส่วนการกะฎอของมารดา ไม่เป็นวาญิบสำหรับบุตรชายคนโต

ข้อที่ ๑๗๑๓. ถ้าบิดาไม่ได้ถือศีลอดวาญิบอื่นที่นอกเหนือจากเดือนเราะมะฎอน เช่น ศีลอดนะซัรบุตรชายคนโตต้องกะฏอ

อะฮฺกามการถือศีลอดเดินทางไกล

ข้อที่ ๑๗๑๔. ผู้ที่เดินทางไกล ในระหว่างที่เดินทางนมาซที่มี ๔ เราะกะอัต ต้องทำเพียง ๒ เราะกะอัต และต้องไม่ถือศีลอด ส่วนผู้ที่เดินทางไกลที่ต้องทำนมาซเต็ม เช่น ผู้ที่มีอาชีพเดินทางไกล หรือเดินทางไปเพื่อกระทำบาป ต้องกะฎอศีลอดด้วย

ข้อที่ ๑๗๑๕. การเดินทางไกลในเดือนเราะมะฎอน ไม่เป็นไร แต่เดินทางไกลเพื่อหลีกเลี่ยงการถือศีลอด เป็นมักรูฮฺ

ข้อที่ ๑๗๑๖. ศีลอดวาญิบที่กำหนดวันนอกเหนือจากศีลอดเดือนเราะมะฎอน เป็นอิฮฺติยาฎวาญิบ วันนั้นต้องไม่เดินทาง ถ้าเดินทางไกลต้องตั้งใจพักที่นั่น ๑๐ วัน และวันนั้นจะต้องถือศีลอด แต่ถ้านะซัรว่าวันหนึ่งวันใดจะถือศีลอด สามารถเดินทางในวันนั้นได้

ข้อที่ ๑๗๑๗. ถ้านะซัรว่าจะถือศีลอดแต่ไม่ได้กำหนดวัน ไม่สามารถถือศีลอดในระหว่างที่เดินทางได้ แต่ถ้านะซัรว่าจะถือศีลอดในวันที่เดินทางไกล ดังนั้น วันที่เดินทางไกลต้องถือศีลอด เช่นเดียวกันถ้านะซัรว่า วันหนึ่งวันใดจะถือศีลอด ถึงแม้ว่าจะเดินทางไกลหรือไม่ วันนั้นก็ต้องถือศีลอด

ข้อที่ ๑๗๑๘. ผู้ที่เดินทางไกลสามารถถือศีลอดมุซตะฮับได้ ในกรณีที่ต้องการจะพักอยู่ที่เมืองอันประเสริฐ ๓ วัน

ข้อที่ ๑๗๑๙. ผู้ที่ไม่รู้ว่าการถือศีลอดในขณะที่เดินทางไกลบาฏิล ถ้าในระหว่างที่เดินทางได้ถือศีลอด และในระหว่างวันได้รู้กฏ ศีลอดบาฏิล แต่ถ้าไม่รู้จนถึงมัฆริบ ถูกต้อง

ข้อที่ ๑๗๒๐. ถ้าลืมว่าเดินทางไกลหรือถือศีลอดในขณะที่เดินทางไกลบาฏิล  และในระหว่างที่เดินทางได้ ถือศีลอด ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๗๒๑. ขณะที่ถือศีลอด ถ้าเดินทางไกลหลังซุฮฺริ ต้องถือศีลอดตลอดทั้งวัน แต่ถ้าเดินทางไกลก่อนซุฮฺริ เมื่อถึงสถานที่ซึ่งไม่สามารถมองเห็นกำแพงเมือง หรือไม่ได้ยินเสียงอะซาน ต้องละศีลอด แต่ถ้าละศีลอดก่อนหน้านั้น เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องจ่ายกัฟฟาเราะฮฺด้วย

ข้อที ๑๗๒๒. ผู้ที่เดินทางไกลได้ไปถึงภูมิลำเนาก่อนซุฮฺริ หรือไปถึงบ้านของตนในเมืองใหญ่ เช่น เตหราน หรือไปถึงสถานที่ซึ่งต้องพักอยู่ ณ ที่นั้น ๑๐ วัน ถ้ายังไม่ได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีิลอดบาฏิล ต้องถือศีลอดในวันนั้น แต่ถ้าได้กระทำ ไม่เป็นวาญิบต้องถือศีลอดในวันนั้น

ข้อที่ ๑๗๒๓. ผู้ที่เดินทางไกลได้ไปถึงภูมิลำเนา หรือสถานที่ซึ่งต้องการพัก ๑๐ วัน หลังซุฮฺริ ต้องไม่ถือศีลอดวันนั้น

ข้อที่ ๑๗๒๔. ผู้ที่เดินทางไกลหรือผู้ที่มีอุปสรรดในการถือศีลอด ถ้าร่วมเพศในเวลากลางวัน หรือกิน ดื่มจนอิ่ม เป็นมักรูฮฺ

ผู้ที่ไม่เป็๋นวาญิบต้องถือศีลอด

ข้อที่ ๑๗๒๕. ผู้ที่ไม่สามารถคือศีลอดได้เพราะความชรา ความกลัว ศึลอดไม่เป็นวาญิบ แต่ในกรณีหลังตัองจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด ประมาณ ๗ ขีดครึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเล่ย์ หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน

ข้อที่ ๑๗๒๖. ผู้ที่ไม่ได้ถือศีลอดเพราะความชรา ถ้าหลังจากเดือนเราะมะฎอนสามารถถือศีลอดได้ เป็นอิหฺติยาฏวาญิบต้องกะฎอศีลอดที่ไม่ได้ถือ

ข้อที่ ๑๗๒๗. ถ้าการเจ็บป่วยทำให้กระหายน้ำมาก ซึ่งไม่สามารถทนต่อความกระหายได้ หรือมีความกลัว ศีลอดไม่เป็นวาญิบ แต่ในกรณีหลังจะต้องจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด ประมาณ ๗ ขีดครึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเล่ย์ หรือส่งที่คล้ายคลึงกัน และเป็นอิหฺติยาฏวาญิบจะต้องไม่ดื่มน้ำเกินความต้องการ และถ้าภายหลังสามารถถือศีลอดได้ เป็นอิหฺติยาฏวาญิบต้องกะฎอศีลอดที่ไม่ได้ถือ

ข้อที่ ๑๗๒๘. หญิงมีครรภ์ที่ใกล้จะคลอด ถ้าถือศีลอดจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ไม่เป็นวาญิบที่จะต้องถือศีลอด แต่ต้องจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด ประมาณ ๗ ขีดครึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเล่ย์ หรือส่ิงที่คล้ายคลีงกัน เช่นเดียวกันถ้าถือศีลอดจะเป็นอันตรายต่อตนเอง ไม่เป็นวาญิบต้องถือศีลอด แต่เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องจ่ายอาหารแก่คนยายจนทุกวัน วันละ ๑ มุด และทั้งสองกรณีที่ไม่ได้ถือศีลอดดต้องกะฎอ

ข้อที่ ๑๗๒๙. หญิงทีี่ให้มนทารกซึ่งมีน้ำนมน้อย ไม่ว่าจะเป็นมารดา เด็ก แม่นม หรือผู้ที่ให้นมโดยไม่มีค่าตอบแทน ถ้าถือศีลอดจะเป็นอันตรายต่อการให้นม ศีลอดไม่เ่ป็นวาญิบ แต่ต้องจ่ายอาหารแก่คนยากจนทุกวัน วันละ ๑ มุด ซึ่งอาจจะเป็นข้าวสาลี ข้าวบาเล่ย์ หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นอันตรายต่อตนเอง ไม่เป็นวาญิบต้องถือศีลอด แต่เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องจ่ายอาหารแก่คนยกจนทุกวัน วันละ ๑ มุด และทั้งสองกรณีที่ต้องกะฎอศีลอดที่ไม่ได้ถือนั้น แต่ถ้าพบหญิงที่ให้นมโดยไม่มีค่าตอบแทนหรือได้รับค่าตอบแทนจากบิดา มารดา หรือจากผู้อื่น เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบจะต้องให้เด็กแก่หญิงนั้น และต้องถือศีลอด

วิธีพิสูจน์วันแรกของเดือน

ข้อที่ ๑๗๓๐. วันแรกของเดือนสามารถพิสูจน์ได้ ๕ วิีธี คือ

๑.     เห็นดวงจันทร์ด้วยตนเอง

๒.     เชื่อมั่นในคำพูดของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งบอกว่าเห็นดวงจันทร์ หรือทุกวิธีทีสามารถเชื่อมั่นได้

๓.     มีชายที่อาดิล ๒ คน บอกว่าเห็นดวงจันทร์ในเวลากลางคืน แต่ถ้าชายทั้งสองบอกลักษณะของดวงจันทร์ขัดแย้งกัน หรือยืนยันไม่ตรงกันความเป็นจริง เช่นบอกว่าเห็นเสี้ยวดวงจันทร์ที่ขอบฟ้า ถือว่าไม่ใช่วันแรกของเดือน แต่ถ้าบอกรายละเอียดบางอย่างของดวงจันทร์ขัดแย้งกัน เช่นคนหนึ่งออกว่าดวงจันทร์ขึ้นสูง อีกคนบอกว่าไม่ใช่ คำพูดของทั้งสองถือได้ว่าเป็นวันแรกของเดือน

๔.    ถ้าเดือนชะอฺบานมี ๓๐ วัน พิสูจน์ได้ว่าเป็นวันที่ ๑ ของเดือนเราะมะฎอน เช่นเดียวกันถ้าเดือนเราะมะฎอนมี ๓๐ วัน พิสูจน์ได้ว่าเป็นวันที่ ๑ ของเดือนเชาวาล

๕.    ฮากิมชัรอฺบอกว่าเป็นวันที่ ๑ ของเดือน

ข้อที่่ ๑๗๓๓. ถ้าฮากิมชัรอฺบอกว่าเป็นวันที่ ๑ ของเดือน ผู้ที่ไม่ได้ตักลีดก็ต้องปฏิบัติตามคำบอกนั้น แต่ผู้ที่รู้ว่าฺฮากิมชัรอฺผิดพลาด ไม่สามารถปฏิบัติได้

ข้อที่ ๑๗๓๔. กรณีที่่ไม่เชื่อว่าเป็นวันที่ ๑ ของเดือน และไม่ได้ถือศีลอด ถ้ามีชายที่อาดิล ๒ คน บอกว่าเมื่อคืนเห็นดวงจันทร์ ต้องกะฎอศีลอดวันนั้น

ข้อที่ ๑๗๓๕. ถ้าเมืองหนึ่งพิสูจน์ได้ว่าเป็นวันที่ ๑ ของเดือน ไม่่เป็นผลต่อประชาชนในเมืองอื่น เว้นแต่เมืองทั้งสองอยู่ใกล้กันหรืออยู่เส้นขอบฟ้าเดียวกัน

ข้อที่ ๑๗๓๖. วันที่ ๑ ของเดือนไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยโทรเลข เว้นแต่เมืองสองเมืองที่อยู่ใกล้กันหรืออยู่เส้นขอบฟ้าเดียวกันได้ส่งโทรเลขถึงกัน ซึ่งรู้ว่าโทรเลขนั้นได้ออกตามฮากิมชัรอฺ หรือมีชายที่อาดิล ๒ ยืนยัน

ข้อที่ ๑๗๓๗. ถ้าไม่รู้ว่าเป็นวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอนหรือวันแรกของเดือนเชาวาล ต้องถือศีลอด แต่ถ้ารู้ว่าเป็นวันแรกของเดือนเชาวาลก่อนมัฆริบ ต้องละศีลอด

ข้อที่ ๑๗๓๘. กรณีที่นักโทษไม่อาจเชื่อได้ว่าเป็นเดือนเราะมะฎอนต้องกระทำด้วยการคาคะเน แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ จะถือศีลอดเดือนไหนก็ได้ถือว่าถูกต้อง และเป็นอิฮฺติยาฏวาญิบ ภายหลังจาก ๑๑ เดือนที่ถือศีลอดต้องถือศีลอดใหม่อีก ๑ เดือน แต่หลังจากที่มั่นใจจะต้องกระทำไปตามนั้น

ศีลอดที่ฮะรอมและเป็นมักรูฮฺ

ข้อที่ ๑๗๓๙. การถือศีลอดในวันอีดุลฟิตรฺและอีดุลอัฎฮา ฮะรอม เช่นเดียวกันวันที่ไม่รู้ว่าเป็นวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน หรือวันแรกของเดือนเราะมะฎอน แต่เนียตว่าเป็นวันที่ ๑ ของเดือนเราะมะฎอน ฮะรอม

ข้อที่ ๑๗๔๐. ภริยาที่ถือศีลอดมุซตะฮับโดยเป็นการขัดขวางสิทธิของสามี ไม่อนุญาตให้ถือศีลอด และถึงแม้ว่าจะไม่เป็นการขัดขวางสิทธิของสามี แต่ถ้าสามีห้าม เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบต้องหลีกเลีี่ยง

ข้อที่ ๑๗๔๑. ถ้าการถือศีลอดมุซตะฮับของบุตร หลาน เป็นการสร้างความยากลำบากให้บิด มารดา หรือปู่ ย่า ตา ยาย และถึงแม้ว่าจะไม่เป็นการสร้างความยกลำบาก แต่ห้ามถือ เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบไม่ใ้ห้ถือศีลอด

ข้อที่ ๑๗๔๒. บุตรชายที่ถือศีลอดมุซตะฮับโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบิดา ถ้าในระหว่างวันบิดาห้าม ต้องละศีลอด

ข้อที่ ๑๗๔๓. ถ้ารู้ว่าการถือศีลอดไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ถึงแม้นายแพทย์จะบอกว่าเป็นอันตราย ก็ต้องถือศีลอด และถ้ามั่นใจว่าการถือศีลอดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ถึงแม้นายแพทย์จะบอกว่าไม่เป็นอันตราย ก็ต้องไม่ถือศีลอด ถ้าถือไม่ถูกต้อง นอกจากเนียตเป็นกุรบัต ซึ่่งภายหลังรู้ว่าไม่เป็นอันตราย

ข้อที่ ๑๗๔๔. ถ้าคิดหรือกลัวว่าการถือศีลอดจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นความคิดในดุลยพินิจของคนทั่ว ๆ ไป ต้องไม่ถือศีลอด ถ้าถือไม่ถูกต้อง นอกจากเนียตเป็นกุรบัต ซึ่งภายหลังรู้ว่าไม่เป็นอันตราย

ข้อที่ ๑๗๔๕. ผู้ที่เชื่อมั่นว่าการถือศีลอดไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ถ้าถือศีลอดและหลังมัฆริบรู้ว่าการถือศีลอดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต้องกะฎอศีลอดวันนั้น

ข้อที่ ๑๗๔๖. นอกจากศีลอดที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีศีลอดที่ฮะรอมอีก ซึ่งได้อธิบายไว้ในหนังสือต่างๆ

ข้อที่ ๑๗๔๗. การถือศีลอดในวันอาชูรอ และวันที่สงสัยว่าเป็นวันออกอาเราะฟะฮฺ หรืออีดุลอัฎฮา เป็นมักรูฮฺ

ข้่อที่ ๑๗๔๘. การถือศีลอดทุกวันตลอดปี ยกเว้นวันที่ฮะรอมและมักรูฮฺ เป็นมุซตะฮับ ซึ่งวันที่กล่าวเน้นไว้โดยเฉพาะ คือ

๑.     พุธแรกหลังวันที่ ๑๐ ของเดือน พฤหัสแรกและสุดท้ายของเดือน ซึ่งถ้าไม่ถือศีลอดในวันดังกล่าว เป็นมุซตะฮับให้กะฎอ และถ้าไม่สามารถถือได้ เป็นมุซตะฮับต้องจ่ายอาหารแก่คนยกจนวันละ ๑ มุด หรือจ่ายเป็นเงินหนัก ๑๒.๖ นุคูด

๒.    วันที่ ๑๓, ๑๔, และ ๑๕ ของเดือน

๓.     ตลอดเดือนเราะญัย และชะอฺบาน หรือวันหนึ่งวันใดในสองเดือนนั้น

๔.    วันอีดนูรูช วันที่ ๔ ถึง ๙ ของเดือนเชาวาล วันที่ ๒๕, ๒๙ ของเดือนซุลเกาะอฺดะฮฺ วันที่ ๑ ถึง ๙ ของเดือนซุลฮิจญฺ (วันออกอาเราะฟะฮฺ) ซึ่งถ้าถือศีลอดแล้วอ่อนเพลียไม่สามารถอ่านดุอาอฺอาเราะฟะฮฺได้ ถ้าถือศีลอดในวันนั้นเป็นมักรูฮฺ อีดเฆาะดีร (วันที่ ๑๘ ซุลฮิจญ) วันที่ ๑, ๓ ของเดือนมุฮัรรอม วันแต่งตั้งท่านเราะซูลุลลลอฮฺ (วันที่ ๒๗ เราะญับ) วันเมาลิดุนนนี (วันที่ ๑๗ เราะบิอุลเอาวัล)

มุซตะฮับให้หลีกเลี่ยงจากการกระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล

ข้อที่ ๑๗๔๙. มีคนอยู่ ๖ ประเภท ในเดือนเราะมะฎอนเป็นมุซตะฮับให้หลีกเลี่ยงจากการกระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถือศีลอดก็ตาม คือ

๑.         ผู้ที่เดินทางไกล ซึ่งกระทำในสิ่งเป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิลในระหว่างเดินทาง หรือเดิน

            ทางกลับถึงภูมิลำเนา หรือสถานที่ซึ่งต้องการพัก ๑๐ วันหลังซุฮฺริ

๒.         ผู้ที่เดินทางไกล ซึ่งเดินทางกลับถึงภูมิลำเนา หรือสถานที่ซึ่งต้องการพัก ๑๐ วันหลังซุฮฺริ

๓.         หายจากการเจ็บป่วยก่อนซุฮฺริ และได้กระทำในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล

๔.         หายจากการเจ็บป่วยหลังซุฮฺริ

๕.         หญิงที่หมดฮัยฎฮ นิฟาซ ในระหว่างวัน

๖.         กาฟิรที่เป็นมุสลิมในเวลากลางวันของเดือนเราะมะฎอน

ข้อที่่ ๑๗๕๐. เป็นมุซตะฮับ ก่อนละศีลอดให้นมาซมัฆริบและอิชาอฺ แต่ถ้ามีผู้รอคอยหรือมีความต้องการที่จะกินอาหารมาก ซึ่งไม่สามารถจะทำนมาซด้วยจิตใจอันสงบ เป็นการดีให้ละศีลอดก่อน แต่ถ้าเป็นไปได้ให้ทำนมาซในช่วงเวลาที่ประเสริฐ